เรื่องราวความรักของวิลล์ สมิธ และเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาถึงยอมทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องคนที่เขารัก

หลังจากมีกระแสล่าสุดในงานประกาศรางวัลออสการ์ ที่วิลล์ สมิธนั้นถึงกับสติหลุดดังที่ทุกคนคงได้เห็นเหตุการณ์กันไปแล้ว หลายคนก็ส่งแรงใจให้วิลล์ สมิธ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่สมควรจริงๆ เป็นใครก็ต้องโมโห อย่างไรก็ตาม เมื่อได้อ่านเรื่องราวความรักของวิลล์ สมิธ และ เจด้า สมิธ ภรรยาของเขาแล้ว ทำให้เข้าใจได้เลยว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้นักแสดงชายที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยม จะยอมเสี่ยงชื่อเสียงของเขา เพื่อปกป้องคนที่เขารัก และครอบครัวของเขา

วิลล์ และ เจด้า สมิธ นั้นได้ออกมาเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาอย่างตรงไปตรงมา โดยความสัมพันธ์ของพวกเขานั้น เริ่มต้นจากแค่คู่นอน

วิลล์ สมิธ ได้เล่าว่า เขากับเจด้านั้นพบกันในตอนอายุประมาณ 20 กว่าๆ หลังจากที่เขาเลิกกับ ชีรี ซัมปิโน่ ภรรยาคนแรกของเขา โดยทั้งคู่ได้พบกันในกองถ่ายเรื่อง The Fresh Prince of Bel-Air ซึ่งเจด้านั้นออดิชั่นๆไม่ผ่าน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็มีโอกาสคุยกัน เจอกัน และหลังจากจุดเริ่มต้นครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แยกจากกันอีกเลย

โดยวิลล์ สมิธ ได้พูดถึงเจด้าภรรยาของเขาว่า

“การหย่าของผมกับชีรี(ภรรยาคนแรก) นั้นยังไม่เรียบร้อยดี นั่นทำให้เจด้ากับผมตัดสินใจจะให้เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเธอเป็นความลับไปก่อน เพราะเราทั้งคู่ก็มีชื่อเสียง และเรารู้สึกว่ามันอาจจะทำให้ดูไม่ดีได้”

“และผลของการเก็บความลับของความสัมพันธ์นี้ ทำให้เราไม่เป็นที่สนใจมากนัก และนั่นทำให้เราใช้เวลาด้วยกันอย่างโรแมนติคที่สุด”

“เราเข้ากันได้เป็นอย่างดีและเป็นธรรมชาติ จนบางครั้งเราก็รู้สึกว่า เราเหมือนเพื่อนสนิทกันซะมากกว่าเป็นคู่รักซะด้วยซ้ำ”

หลังจากที่ทั้งคู่ได้พัฒนาความสัมพันธ์จริงจังขึ้น ได้เริ่มต้นสร้างครอบครัว และแต่งงาน ก็เป็นปัญหาที่แทบจะมีทุกครอบครัว คือเรื่องมุมมองที่แตกต่างกัน โดยเริ่มจากงานแต่งงาน เพราะวิลล์นั้น อยากแต่งงานกับเจด้าก่อนที่เขากับเธอนั้นจะมีลูก ซึ่งเป็นธรรมเนียมแบบสมัยก่อน อย่างไรก็ตาม เจด้ากลับไม่สนใจในไอเดียนั้น

“เจด้านั้นไม่เชื่อในการแต่งงานแบบอนุรักษ์นิยม และไม่ชอบความมากพิธีการ” วิลล์ สมิธบอก

เดือดร้อนถึงขั้นวิลล์ สมิธต้องไปขอให้แม่ของเจด้าช่วยเกลี้ยกล่อม เพื่อให้ลูกสาวของเธอยอมแต่งงานตามประเพณีกับวิลล์ สมิธ จนในที่สุดเธอก็ยอม

“เจด้ายืนกรานปฏิเสธไอเดียของผมจนถึงที่สุด แต่ก็ได้ไม่นาน จากการเกลี้ยกล่อมของผมกับแม่ของเธอ ผมรู้ได้เลยว่าเธอเหนื่อย อึดอัดและไม่อยากจะเถียงอะไรมาก และในขณะเดียวกัน เธอก็ไม่อยากให้ผมกับแม่ของเธอเสียใจ จนในที่สุด เธอก็ยอมตกลง และเราได้จัดพิธีแต่งงานในบัลติมอร์ในวันส่งท้ายปีเก่า”

หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เป็นไปด้วยดีมาตลอด มีขึ้นลงบ้างตามประสาคู่รักกัน โดยทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน และวิลล์ นั้นมีลูกติดกับภรรยาคนเก่าอีก 1 คน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2018 เจด้า สมิธ ก็พบว่าเธอผมร่วงเยอะมาก

“ตอนที่มันเริ่มต้นขึ้น มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ตอนนั้นฉันกำลังอาบน้ำอยู่ และในระหว่างที่ฉันกำลังสระผมนั้น ก็พบว่ามีเส้นผมของฉันติดมือมาเต็มไปหมด ตอนนั้นฉันคิดในใจว่า ‘โอ้ พระเจ้า! นี่ฉันกำลังจะหัวล้านเหรอ'” เจด้าเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ในการเป็นโรคผมร่วงของเธอในครั้งแรก

หลังจากนั้น เจด้าก็เจอการรักษาที่จะช่วยชะลออาการผมร่วงของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอก็เปิดกว้างสำหรับไอเดียอื่นๆเช่นกัน

“ตอนนั้นฉันได้รับการรักษาโดยการฉีดสเตียรอยด์จำนวนเล็กน้อยเข้าไป มันดูเหมือนจะช่วยนะ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยรักษา มันแค่ช่วยชะลอไม่ให้ผมฉันร่วงเร็วเท่านั้น” เจด้าบอก

ตลอดระยะเวลาการรักษา วิลล์ สมิธ นั้นอยู่เคียงข้างเจด้ามาตลอด เขาพยายามสร้างความมั่นใจให้เธอ พยายามให้เธอได้รู้จักคุณค่าของตัวเอง เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า สำหรับผู้หญิงส่วนมากแล้ว ผมเป็นเหมือนมงกฏบนศีรษะนั่นเอง

จนในที่สุด เจด้าจึงตัดสินใจโกนผมทั้งหมด ส่วนหนึ่งเพราะต้องการเป็นตัวอย่างให้กับคนที่กำลังเป็นโรคนี้อยู่ว่าให้ภูมิใจในตัวเอง ไม่ต้องอายที่ต้องสูญเสียผมไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว เรายังสามารถรักตัวเองได้ในแบบที่เราเป็น

และเรื่องราวทั้งหมดนี้ คือเหตุผลที่ว่า ทำไมผู้ชายที่ได้รางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยม ถึงยอมทำแบบนั้นบนเวทีประกาศรางวัลจนฮือฮาไปทั้งโลก

ที่มา : etonline , etonline

Total
319
Shares
Previous Post

ทาสแมวญี่ปุ่นไอเดียเก๋ เก็บขนน้องมาทำรองเท้าแมวจิ๋วสุดน่ารัก

Next Post

โดนทิ้งก็ไม่แคร์! ชายหนุ่มจัดงานแต่งงานกับตัวเอง หลังถูกคู่หมั้นบอกเลิก

Related Posts

ญี่ปุ่นผุดคาเฟ่แห่งใหม่ สำหรับช่วยพนักงานที่ติดอ่างฝึกพูด และลูกค้าต้องสั่งอาหารช้าๆ

แม้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีปัญหาในเรื่องการพูด แต่สำหรับคนที่มีปัญหาการพูดติดอ่างนั้น พวกเขาจะต้องเจอปัญหาต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจในตัวเอง ความมั่นในการเข้าสังคม ในการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน และนี่เป็นที่มาของไอเดียโปรเจ็ค ‘คาเฟ่ที่ต้องต้องใช้เวลาในการสั่งอาหาร’ โดยโปรเจ็คนี้ ตั้งขึ้นมาเพราะเข้าใจธรรมชาติของคนติดอ่าง ที่ต้องใช้เวลาในการพูด และแน่นอนว่าคนกลุ่มนี้อาจจะต้องเสียความมั่นใจในกรณีที่ต้องทำงานร้านอาหารตามปกติ หรืองานในสายงานอื่นๆที่อาจจะต้องคุยกับลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็ว ทำให้โปรเจ็คคาเฟ่นี้ เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนกลุ่มนี้ โดยคาเฟ่นี้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นคาเฟ่ชั่วคราว และจะจ้างพนักงานที่มีปัญหาด้านการพูดติดอ่างเท่านั้น…
Read More

หมดปัญหาพนักงานอู้ในห้องน้ำ ด้วยโถส้วมแบบพิเศษ

แน่นอนว่า ไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่หรือเล็กแค่ไหน แต่สำหรับพนักงานออฟฟิศแล้ว ห้องน้ำคือพื้นที่ศักดิ์สิทธิที่ทำให้คุณสามารถใช้เวลาส่วนตัวได้โดยไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายได้แม้แต่เจ้านายของคุณ และทุกคนคงจะเคยผ่านประสบการณ์เข้าไปนั่งอู้ในห้องน้ำกันแล้ว บางคนอาจจะบอกปวดท้อง บางคนอาจจะบอกท้องเสีย แต่จริงๆแล้วเข้าไปนั่งหลับ นั่งอู้ นั่งแชทอยู่ในห้องน้ำ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านวัตกรรมใหม่นี้จะเป็นฝันร้ายของเหล่าพนักงานออฟฟิศสายอู้ เพราะห้องส้วมที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เราสามารถอู้ได้มาโดยตลอดนั้น จะไม่สามารถอู้ได้อีกต่อไป เพราะสิ่งประดิษฐ์นี้ สิ่งประดิษฐ์นี้ คือชักโครกนั่นเอง แต่มีความพิเศษตรงที่มีมุมนั่งลาดเอียงลงไป…
Read More

พาชมหลุมหลบภัยลับใต้ดินขนาดมหึมา ที่เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์

แน่นอนว่า จากหลายๆสถานการณ์ความไม่แน่นอนในปัจจุบัน คงอาจจะทำให้หลายคนคิดถึงการมีที่หลบภัย ที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อม ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ที่เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่รู้หรือไม่ว่า หลายประเทศมีหลุมหลบภัยขนาดใหญ่ไว้รอแล้ว สำหรับกรณีเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะจากธรรมชาติ หรือจากฝีมือมนุษย์ โดยบังเกอร์ที่เราจะพาทัวร์วันนี้ อยู่ที่เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งใหญ่โตมโหฬารจนอาจจะเรียกได้ว่า เป็นเมืองใต้ดินก็ว่าได้…
Read More