เป็นเวลาเนิ่นนานก่อนที่ชาวอินคาจะเรืองอำนาจและเริ่มต้นบูชาเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์นั้น เคยมีอารยธรรมเล็กๆที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเท่าไหร่นัก ได้สร้างหอดูดาวที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกา ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคือใคร หลักฐานเดียวที่แสดงถึงการมีตัวตนของพวกเขา คือหอดูดาวแห่งนี้
แม้ว่าหอดูดาวแห่งนี้จะไม่ได้มีอายุเก่าแก่เท่าสโตนเฮนจ์ในอังกฤษ แต่สถานที่ที่กลายเป็นซากปรักหักพังโบราณนี้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ชานคิลโล (Chankillo) โดยมันมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก

ชานคิลโลนั้น ตั้งอยู่ในทะเลทรายที่อยู่บริเวณชายฝั่งของประเทศเปรู โดยมีลักษณะเด่นคือ มีหอคอยหิน 13 แห่งเรียงกันเป็นแนวเส้นขอบฟ้าของเนินเขา จากทิศเหนือไปจรดทิศใต้ ซึ่งเมื่อมองดีๆแล้ว จะเหมือนเป็นฟันกรามของล่างของสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์

นอกจากนี้ ใกล้ๆกันนั้นยังมีซากปรักหักพังของอาคารสองแห่ง ที่เชื่อกันว่าใช้เป็นอาคารสำนักงานและเป็นอาคารหอดูดาว รอบๆยังมีแนวกำแพงสามชั้นที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า วิหารเสริมความแข็งแกร่ง
สิ่งก่อสร้างแห่งนี้ สร้างเสร็จเมื่อ 2,300 ปีที่แล้ว และถูกทิ้งร้างไว้ตั้งแต่ศรรษวรรตแรก ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา มันก็กลายเป็นสถานที่ปริศนาสำหรับคนที่เดินทางผ่านไปมาหลายชั่วอายุคน จนกระทั่งเลือนหายไปตามกาลเวลา

อย่างไรก็ตาม ในตอนต้นของศรรตวรรษที่ 21 นั้น ก็ได้เริ่มมีการขุดค้นบริเวณนี้อย่างจริงจัง และนั่นเอง ทำให้นักโบราณคดีได้ค้นพบสิ่งก่อสร้างโบราณที่สูญหายไปเป็นเวลานาน
ในตอนกลางวันที่แดดจ้ากลางทะเลทรายนั้น สิ่งก่อสร้างแห่งนี้ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรมากมายนัก เพราะโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างหินนั้นยาวแค่ 300 เมตร ทำให้เมื่อมองจากที่ไกลๆนั้น มันกลายเป็นกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม
และเมื่อถึงช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แสงจากดวงอาทิตย์จะลอดผ่านร่องระหว่างหิน ซึ่งในแต่ละร่องนั้น จะตรงกับช่วงเวลาของแต่ละปีอย่างพอดิบพอดี นี่คือสาเหตุที่ทำให้นักโบราณคดีเชื่อว่า โครงสร้างหินที่ดูเหมือนฟันนี้ เป็นสิ่งก่อสร้างทางดาราศาสตร์นั่นเอง

อย่างที่กล่าวไปตอนต้น ไม่มีใครรู้ว่าอารยธรรมโบราณที่เป็นเจ้าของสิ่งก่อสร้างนี้เป็นอารยธรรมใด เพราะมันมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร อันที่จริง ต้องบอกว่ามันมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนที่ไหนในโลกเลยด้วยซ้ำ โดยมันน่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างและวัฒนธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกา ซึ่งพอจะพูดได้ว่า มันเก่ากว่าอารยธรรมของชาวอินคาซะอีก
ชานคิลโลนั้น ได้รับการรับรองให้กลายเป็นมรดกของโลกโดยองค์กร UNESCO อย่างเป็นทางการ โดยองค์กร UNESCO นั้นได้บรรยายถึงสถานที่แห่งนี้ว่า
“ที่นี่ไม่เหมือนกับโบราณสถานทางดาราศาสตร์ที่อื่นในโลก ที่มีการวางแนวสถาปัตยกรรมทางดาราศาสตร์แค่จุดเดียว เพราะที่นี่ มีการสร้างหอคอยครอบคลุมส่วนโค้งของดวงอาทิตย์ขึ้นและตกตลอดทั้งปี ทำให้เมื่อมองจากจุดสังเกตุการณ์นั้น และหอดูดาวชานคิลโลนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงประวัติศาสตร์ของการวิวัฒนาการความรู้ทางดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นในหุบเขา Casma ประเทศเปรู”
ที่มา : astronomicalheritage.net เรียบเรียงโดย : Walkki